โรมาเนีย14 : ปราสาทแดรกคูล่า (2)
หลังจากแดรกคูล่าตายไปหลายร้อยปี ปราสาทก็เป็นที่ประทับของกษัตริย์ต่างๆในย่านนั้น จนถึงกษัตริย์เฟอร์ดินัน แต่งงานกับพระนางมาเรีย แล้วมาอยู่ที่ปราสาทนี้ แต่ก็ไม่นานพระนางมาเรียชอบปราสาทนี้มาก เพราะอยู่ในแวดล้อมธรรมชาติ จึงตกแต่งเพิ่มเติมตามประสาผู้หญิง ผู้คนรักพระนางมากเพราะทำประโยชน์ให้มากมาย ต่อมาพระนางไปอยู่บูคาเรสต์และเสียชีวิตพระนางมีลูกสาวสามคน คนแรกไปอยู่เซอร์เบีย คนที่สองไปอยู่สเปน คนที่สามอยู่โรมาเนีย จึงยกปราสาทให้คนที่สามชื่อเจ้าหญิงอาเรียน่าต่อมาเจ้าหญิงอาเรียน่าแต่งงานกับกษัตริย์เยอรมันชื่อมีไฮน์ เป็นกษัตริย์องค์สุดท้ายของโรมาเนีย แต่อยู่ได้ไม่นานก็ถูกขับจากบัลลังก์ปราสาทตกเป็นของพรรคคอมมิวนิสต์โรมาเนียหลังสงครามโลกครั้งที่สอง 20 ปี ปราสาทได้รับการบูรณะและกลายเป็นพิพิธภัณฑ์ต่อมา มีนักเขียนชาวอังกฤษชื่อแบรม สโตเกอร์มาเที่ยวชมปราสาท เขาเห็นภาพของแดรกคูล่าหน้ายาวเรียว และซีดเซียว ประกอบกับความลึกลับของตัวปราสาท ทั้งได้ยินชื่อเสียงว่าแดรกคูล่าเป็นคนดุร้ายเขาจึงแต่งนิยายขึ้น ทำให้ปราสาทน่ากลัว มีค้างคาวด้วย มีแดรกคูล่าหน้าซีดที่ต้องคอยดูดเลือดคนเพื่อเติมความสดชื่นให้ผิวพรรณสมัยนั้นยังไม่มีหนังสยองขวัญเกี่ยวกับผีดูดเลือดมาก่อน จึงทำให้คนดูตื่นเต้นมาก หนังดังเลื่องลือ เป็นหนังขาวดำก่อนสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง ทำให้ผู้คนบอกต่อกันเกรียวกราว
สมัยนั้นโรมาเนียยังเป็นคอมมิวนิสต์อยู่ หนังเข้ามาฉายไม่ได้ จนเมื่อกลายเป็นประเทศเสรี ผู้คนเข้าไปท่องเที่ยวและถามหาปราสาทแดรกคูล่า ชาวโรมาเนียจึงไม่รู้จัก และไม่รู้เรื่องว่ามีผีดิบดูดเลือดอยู่ที่ไหน จนต่อมาจึงได้รู้เรื่องของแดรกคูล่าเวอร์ชั่นแวมไพร์ความจริงก็เป็นสิ่งที่ไม่ได้น่าภูมิใจเลยว่าประเทศของเราเป็นประเทศแห่งผีดูดเลือดผู้โหดร้าย แต่เมื่อผู้คนอยากจะมาเที่ยวกันเสียมากมาย นำรายได้เข้าประเทศมหาศาล ก็เลยตกกระไดพลอยโจนเปิดปราสาทให้ชมพร้อมขายของที่ระลึกกันเสียเลยปัจจุบัน ปราสาทบรานหรือปราสาทแดรกคูล่าเป็นจุดท่องเที่ยวที่พลาดไม่ได้อะไรๆก็เป็นไปได้ทั้งนั้นถ้ามันกลายเป็นรายได้ เนอะ ชิมิ ชิมิ
21/8/2557